“นายคิดเหมือนที่ฉันคิดไหม B1”
“ฉันก็คิดเหมือนที่นายคิด B2”
หากคุณอายุเกิน 25 ปี คงจำประโยคนี้ได้แน่นอน เพราะนี่คือรายการยอดฮิตขวัญใจทุกหนูๆ ที่ออกอากาศทุกคืนทางช่อง 7 สีเมื่อสิบกว่าปีก่อน
ความจริงไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้นที่ ‘กล้วยหอมจอมซน’ หรือ ‘Bananas in Pyjamas’ ฮิตติดลมบน
แต่รายการความยาว 5 นาทีจากสถานีโทรทัศน์ ABC ของออสเตรเลียนี้เป็นที่นิยมกว่า 100 ประเทศทั่วโลก แถมยังมีแฟนคลับระดับหลายร้อยล้านคน ยืนยันได้จากการที่เคยได้รับเกียรติให้เป็น 1 ใน 5 ไอคอนของประเทศออสเตรเลียที่ปรากฎตัวในพิธีปิด โอลิมปิกซิดนีย์เกมส์ เมื่อปี 2543 ร่วมกับคนดังอย่างนักร้องสาว Kylie Minogue หรือโปรกอล์ฟ Greg Norman แถมหลังจบงานบรรดานักกีฬาชื่อดังจากทั่วโลกกว่า 30-40 คนมารุมล้อมขอลายเซ็นคู่หูฝาแฝดแน่นขนัด
บุคคลหนึ่งที่ควรได้รับเครดิตมากที่สุด คงหนีไม่พ้น Helena Harris โปรดิวเซอร์และผู้ผลักดันจนรายการนี้กลายเป็นตำนานระดับโลก
ก่อนที่ B1 และ B2 จะกลายเป็นขวัญใจของเด็กๆ เรื่องราวของพวกเขาเคยปรากฏอยู่ในเพลงของ Carey Blyton ซึ่งเขียนขึ้นตั้งแต่ปี 2512 เพื่อประกอบการเต้นของเด็กอนุบาล กระทั่งวันหนึ่งในปี 2535 เมื่อ Harris เดินทางไปดูละครของลูกๆ Amy และ Morgan ที่โรงเรียนจึงได้พบกับตัวละครที่โดดเด่นมาก นั่นคือ กล้วยหอมซึ่งกำลังวิ่งไล่หมีเท็ดดี้
“ตอนนั้นฉันมั่นใจว่า หากทำให้กล้วยหอมดูเด็กลง น่าเกลียดน้อยลง รับรองว่าเด็กๆ จะต้องรักมันแน่นอน”
เธอจึงนำไอเดียนี้มาเสนอสถานีโทรทัศน์ซึ่งเธอทำงานอยู่
แต่กว่าจะได้เริ่มต้นทำนั้นก็ช่างยากลำบากเหลือเกิน ไหนจะงบประมาณจำกัด แถมยังต้องทะเลาะกับฝ่ายบริหารบ่อยครั้ง
“ตอนที่บอร์ดของ ABC ได้ยินว่าฉันกำลังทำโชว์ที่มีกล้วยหอม 2 ตัว นอนอยู่ในห้องเดียวกัน นั่นคือช่วงยุคต้น 90 พวกเขาต่างรู้สึกวิตกกังวลกับเรื่องนี้มาก ฉันพยายามอธิบายว่าพวกเขาเป็นฝาแฝดกัน สามารถนอนห้องเดียวกันได้ แต่ดูเหมือนพวกเขาก็ยังไม่ชอบไอเดียนี้เท่าใดนัก”
แต่สุดท้าย Harris ก็สามารถผ่านสถานการณ์ยุ่งยากมาได้ และเริ่มต้นวางตัวละครต่างๆ โดยอิงประสบการณ์มาจากลูกๆ ของตัวเอง ซึ่งนอกจากกล้วยหอมที่เป็นฝาแฝดกันแล้ว ยังมีหมีเพื่อนบ้านอีก 3 ตัว คือ Morgan Amy และ Lulu ซึ่ง 2 ใน 3 ที่ถูกตั้งชื่อตามลูกๆ ของเธอ ส่วนอีกตัวนั้นมาจากชื่อเพื่อนของลูกอีกที ส่วนเจ้าหนูใส่หมวกที่ออกมาในตอนที่ 2 นั้น เป็นไอเดียจากหนึ่งในตากล้องรายการ
B1 และ B2 เป็นเจ้าของบ้านสองชั้น เขาจะลงจากบันไดมาทุกเช้าตามที่บทเพลงได้บอกเล่าไว้ และถ้าพวกเขาไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นๆ ก็จะใช้เวลาที่มีไปกับการตรวจตราชายหาดใกล้ๆ
“พวกเขาไม่ได้ซื่อบื้อ แต่ก็ไม่ได้ฉลาดอะไร ก็เป็นกล้วยหอมที่มีชีวิตธรรมดาๆ เราไม่ได้พยายามจะใส่อะไรที่มันฉลาดซับซ้อนหรือต้องตีความหมายเข้าไปเลย”
“คุณมีเวลา 4 นาที 20 วินาทีเพื่อบอกเล่าเรื่องราวดีๆ ต้องวางโครงเรื่องตั้งแต่ต้น-กลาง-จบ โดยต้องสอดคล้องกับชีวิตจริงของเด็กอนุบาล ซึ่งตัวละครที่เราสร้างขึ้นส่วนใหญ่ก็เอามาจากชีวิตของลูกๆ เป็นหลัก เพราะฉันคิดว่า เด็กทั่วโลกก็คงต้องเจอสถานการณ์อะไรแบบนี้มาเหมือนๆ กัน”
ด้วยคาแรคเตอร์กล้วยหอมที่น่ารักและเรื่องราวที่ใกล้ตัวเด็กๆ หลังออกอากาศเพียงตอนเดียวในวันที่ 20 กรกฎาคม 2535 กล้วยหอมจอมซนก็กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วเมือง Harris บอกว่า เธอเคยได้ยินคุณแม่บางคนคุยกันว่า ต้องรีบกลับบ้านไปดูรายการ บางทีก็เป็นพวกลูกๆ ที่รบเร้าให้พ่อแม่รีบกลับบ้าน เพื่อให้ทันดูกล้วยหอม
เหตุการณ์ที่ทำให้เธอรู้ว่า ตัวละครนี้มีพลังในการดึงดูดคนมหาศาล คือตอนที่พวกเขาไปออกงานร่วมกับ Sydney Symphony Orchestra วันนั้นฝนตกกระหน่ำ แต่ผู้ชมทั้งเด็กและผู้ใหญ่กว่า 195,000 คนก็ตื่นเต้นกันสุดๆ ทันทีที่กล้วยหอมปรากฏตัวบนเวที
ความสำเร็จครั้งนี้ Harris วิเคราะห์ว่า มาจากปัจจัย 2 อย่างคือ หนึ่งคือ ประสิทธิภาพของ ABC ในฐานะทีวีสาธารณะที่สามารถจัดสรรและกำหนดกกรอบเนื้อหาของรายการสำหรับเด็กเล็กและเด็กโตได้อย่างเหมาะสม จนทีมงานสามารถผลิตรายการเด็กยอดฮิตติดอันดับโลกได้มากมาย ทั้ง Big Square Eye หรือ Hi-5 เสียอย่างเดียวคือ งบประมาณที่ทุ่มน้อยเกินไปหน่อย ทำให้ทีมงานไม่สามารถใส่ฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจได้มากกว่านี้
อีกส่วนหนึ่งก็มาจากความทุ่มเทของทีมงาน เช่นการที่นักแสดงที่รับบทกล้วยหอมทั้ง 2 คน ต้องเข้าคอร์สฝึกหนัก เพื่อให้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ต่างๆ เช่นดีใจ เสียใจ ร้องไห้ ได้อย่างสมบทบาท แม้ว่าชุดจะหนักและร้อนเพียงใด แถมการออกเสียงก็ยากลำบาก เพราะไมโครโฟนเล็กๆ ที่ติดข้างในชุด คุณภาพแย่มาก จนต้องอัดเสียงใหม่ในสตูดิโออีกรอบ
แต่เพื่อความสุขของเด็กๆ พวกเขาก็ทนได้ ยิ่งได้มาทราบว่า กล้วยหอมกลายเป็นตัวละครที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของผู้ชมมากมาย ก็ยิ่งทุ่มเทเต็มที่ เช่น เด็กคนหนึ่งที่กำลังต่อสู้กับโรคร้ายและอยากได้กำลังใจจากคู่แฝด พวกเขาก็เดินทางไปเยี่ยมถึงโรงพยาบาลทำให้เด็กคนนั้นมีความสุขมาก
คำว่า B1-B2 ยังกลายเป็นศัพท์ประจำชาติ เช่นตอนที่อดีตนายกรัฐมนตรี Bob Hawke แต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่ชื่อ Blanche d’Alpuge หนังสือพิมพ์ก็เรียกพวกเขาวว่า B1-B2 เรื่อยมา ไม่เพียงแค่นั้น กล้วยหอมยังมีโอกาสได้เป็นแขกของอดีตประธานาธิบดี Bill Clinton แห่งสหรัฐอเมริกา ระหว่างเยือนกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร รวมถึงเกือบมีภาพยนตร์ยาวเป็นของตัวเอง เสียดายที่โครงการนี้พับไปเสียก่อน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีของที่ระลึกเกี่ยวกับพวกเขาออกมามากมาย ทั้งแสตมป์ และเหรียญที่ระลึก 5 เซ็นต์กับ 20 เซ็นต์ ในวาระครบ 25 ปีของการกำเนิดรายการ
แม้สุดท้ายกล้วยหอมจอมซนจะออกอากาศได้เพียง 9 ปีเศษ โดยเทปสุดท้ายนั้นออนแอร์เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2544 และมีแอบกลับมาในเวอร์ชั่นแอนิเมชันอยู่ 2 ปีเศษ แต่ก็เชื่อได้เลยว่า เรื่องราวอันน่าสนุกของสองคู่หูและผองเพื่อนจะยังคงตราตรึงในใจผู้คนทั่วโลกไปอีกนานแสนนาน
พวกเขาไม่ได้ซื่อบื้อ แต่ก็ไม่ได้ฉลาดอะไร ก็เป็นกล้วยหอมที่มีชีวิตธรรมดาๆ เราไม่ได้พยายามจะใส่อะไรที่มันฉลาดซับซ้อนหรือต้องตีความหมายเข้าไปเลย
ชีวิตของนักวาดการ์ตูนคนสำคัญ ผู้สร้างภาพประกอบให้แบบเรียนมานะ-มานี 2 เล่มแรก
เรื่องของบรรณาธิการสำนักพิมพ์การ์ตูนที่อยู่ในวงการมากว่า 40 ปี และยังคงครองความนิยมของผู้อ่านมาจนถึงทุกวันนี้
ย้อนเรื่องราวของนักเขียนการ์ตูนคนดัง ผู้สร้างแมวสีฟ้า โดราเอมอน จนโด่งดังไปทั่วโลก
นักหนังสือพิมพ์รางวัลแมกไซไซคนเดียวของเมืองไทย ผู้สร้างตำราพึ่งตนเองฉบับ ‘ขบวนการแก้จน’
ชีวิตที่ไม่ธรรมดาของผู้บุกเบิกวงการการ์ตูน ผู้ทำให้แบรนด์ Walt Disney กลายเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จักทั่วโลก พร้อมกับตัวการ์ตูนสำคัญอย่าง มิกกี้เมาส์
นักเขียนตำนานในตำนาน แห่งเบบี้และขายหัวเราะ เจ้าของผลงานการ์ตูนติดเกาะ โจรมุมตึก และอื่นๆ อีกมากมาย
หนึ่งในค่ายดนตรีที่เติบโตมากับยุคอินดี้ครองมือ ซึ่งจุดกระแสด้วยเพลงที่มีความเท่และแตกต่าง ทั้ง Sleeper1, Portrait, Morningsurfers, Soundlanding และ Moon
คุณหมอผู้เปลี่ยนชีวิตของตัวเอง และจุดกระแสความเชื่อของคนไทยเรื่องอายุยืน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะใช้ชีวิตถึง 120 ปี
ตำนานแชมป์โลกมวยสากลตลอดกาลของเมืองไทย ผู้เคยจุดกระแส เขาทรายฟีเวอร์ และทำให้ทุกคนต้องรีบกลับบ้านไปรับชมโทรทัศน์
ผู้พลิกชีวิตจากเด็กสลัมคลองเตย สู่ตลกอัจฉริยะของเมืองไทย ที่สร้างมุกสุดคลาสสิกและอยู่ในใจของผู้คนมาจนถึงปัจจุบัน
โลกดนตรี ตำนานรายการคอนเสิร์ตกลางแจ้ง ที่ศิลปินยุค 1970-2000 อยากขึ้นแสดงมากที่สุด เพราะใครที่มีโอกาสได้ขึ้นเวทีนี้ แสดงว่าดังแล้ว
ห้องทดลองกฎหมายของ รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร ที่ทำงานเรื่องการพิสูจน์สิทธิเรื่องสัญชาติ เพื่อให้ทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม
COPYRIGHT © 2021 WWW.THENORMALHERO.CO. ALL RIGHTS RESERVED.