SuckSeed Team : ปรากฏการณ์ ‘ห่วยขั้นเทพ’

<< แชร์บทความนี้

หากพูดถึงหนังร็อกวัยรุ่นที่เคยครองใจผู้คน จนถึงขั้นร้อง ‘ซักซี้ด’ กันทั่วเมือง เชื่อว่าทุกคนคงต้องยกให้ SuckSeed ห่วยขั้นเทพ ยืนหนึ่ง

เพราะนับตั้งแต่เข้าฉายครั้งแรก เมื่อวัน 17 มีนาคม 2554 เรื่องราวของ เป็ด คุ้ง และเอ็กซ์ สามสมาชิกจากวง SuckSeed ได้เข้ามาอยู่ในความทรงจำของผู้ชม และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนลุกขึ้นมาทำตามฝันของตัวเอง

ยอดมนุษย์..คนธรรมดา จึงร่วมกับ The Cloud ชักชวน 5 คนเบื้องหลัง ผู้เปรียบเสมือนสารตั้งต้นของภาพยนตร์ คือ หมู-ชยนพ บุญประกอบ, เป็ด-ทศพล ทิพย์ทินกร, ไก่-ณฐพล บุญประกอบ, เยเมนส์-ศิววุฒิ เสวตานนท์ และ ใหม่-ปนายุ คุณวัลลี มาร่วมทบทวนความหลังถึงปรากฏการณ์ความห่วย ที่กว่าจะมาถึงจุดนี้บอกเลยว่าไม่ง่าย

อ่าน 10 ปี SuckSeed เรื่องเล่าจาก 5 คนเบื้องหลังผู้สร้างปรากฏการณ์ความห่วย ที่ https://readthecloud.co/10-years-of-suckseed/

แต่ก่อนที่จะไปอ่านฉบับเต็มๆ เรามีเรื่องราวสุดซี้ดที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน มาเล่าให้ฟัง

1. ก่อนจะเป็นหนัง SuckSeed เคยเป็นชื่อหนังสั้น 3 เรื่องที่ หมู ใหม่ และเยเมนส์ทำต่อเนื่องกัน 3 ปีซ้อน แต่ที่น่าสนใจคือ SuckSeed เวอร์ชันหนังสั้นกับหนังยาวแทบไม่มีส่วนไหนเหมือนกันเลย ยกเว้น ชื่อหนังกับคำว่า ‘ชีวิตมันต้องลองซักซี้ดนึง’ ซึ่งเป็นชื่อเพลงในเวอร์ชันหนังสั้น หมูติดใจคำนี้มากก็เลยให้ต้า Paradox นำไปแต่งเป็นเพลง จนกลายเป็น เพลง ‘ซักซี้ดนึง’ ที่ทุกคนคุ้นเคย

2. ต้องบอกว่า ไก่ น้องชายสุดที่รักของหมูนั้นเกิดมาเพื่อเป็นคนทำสารคดีอย่างแท้จริง เพราะถ้าใครไปเปิดเวอร์ชันหนังสั้น จะพบว่าไก่แสดงเป็นคนถ่ายสารคดี พอเป็นหนังใหญ่ ไก่ก็ยังตามไปเป็นคนถ่ายวีดิโอเบื้องหลัง และความรู้ตรงนี้เองที่เขาสั่งสมจนกลายเป็นนักผลิตภาพยนตร์สารคดีมืออาชีพ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว หนังสารคดีวิ่งของตูน Bodyslam

3. ความจริงตัวละครแต่ละตัวนั้นมีแบ็กกราวน์ที่น่าสนใจ อย่าง เอิญที่บ้านก็เป็นร้านขายเทปขายซีดี เอ็กซ์เป็นร้านเบเกอรี่ ส่วนคุ้ง ที่บ้านเป็นโรงจำนำ ทำให้มีของเล่นใหม่ๆ มานำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นเกมแฟมิคอม โรลเลอร์เบลด ตู้สติ๊กเกอร์ เกมส์เต้น โฟโต้ฮันท์ เพราะฉะนั้นเขาก็เลยเป็นผู้นำเทรนด์อย่างแท้จริง และไม่ต้องแปลกใจเลยที่ประโยค “นี่มันคือยุคของ…” จึงเป็นคำติดปากคุ้งมาตลอด

4. เพลงที่ แนท-ณัฐชา นวลแจ่ม เล่นให้หมูกับทีมงานฟัง วันที่ยกกองไปแคสบทเอิญที่พัทยา คือ Zombie ของ The Cranberries และ คู่ชีวิต ของ Dr.Fuu แนทบอกว่าแหลม มอริสัน พ่อของเธอหน้าบานมาก เพราะไม่คิดว่า ลูกสาวซึ่งไม่เคยผ่านงานหน้ากล้องใดๆ มาก่อนจะมีโอกาสได้แสดงหนัง

5. บทคุ้งเป็นบทที่เลือกยากมาก โดยในช่วงครบรอบ 7 ปี SuckSeed หมูเคยเล่าว่า 3 คนสุดท้ายที่เข้ารอบ คือ พีช พชร, กันต์ ชุณหวัตร และมาร์ช จุฑาวุฒิ ซึ่งสุดท้ายพีชก็คว้าบทนี้ไป เพราะบุคลิกตรงกับบทมากๆ ส่วนกันต์ก็โยกไปเล่นเป็น เต็ม อิมแพค นักร้องนำวง The Arena แทน

6. หนึ่งในฉากที่ถูกตัดออก แม้จะถ่ายทำไปแล้วก็ตาม คือ ฉากโรตีบอย ซึ่งแก๊ง SuckSeed ไปนั่งกินโรตีตอนมากรุงเทพฯ ตอนที่ถ่ายต้องสร้างขึ้นมาใหม่ เพราะร้านปิดไปแล้ว

7. ศิลปินที่พวกเขาอยากเชิญมาร่วมแสดงด้วย คือ โต Silly Fools แต่น่าเสียดายที่ช่วงนั้นวงแตกไปแล้ว และพี่โตก็อยู่ในช่วงใกล้จะเลิกร้องเพลงพอดี อีกคนที่เตรียมบทไว้ให้แล้วคือ เสก Loso ซึ่งตามแผน พี่เสกจะปรากฏตัวช่วงเป็ดวัยเด็ก โดยซีนนั้นเป็ดจะต้องปั่นจักรยานมาหาเอิญที่ร้าน แล้วมีพี่เสกดีดกีตาร์ ขี่จักรยานตามมาอีกคัน แต่เผอิญพี่เสกไม่สะดวกก็เลยเหลือมาแต่เพลงอยากเห็นหน้าคุณ กับโปสเตอร์

8. ไก่บอกว่า สิ่งแรกที่เขารอดูมากที่สุด ตอนที่หนังเสร็จแล้วคือ ตอนที่คุ้งกับเค อยู่ด้วยกัน เพราะเป็นสิ่งเดียวที่ไม่เห็นตอนถ่าย ซึ่งสุดท้ายก็ออกมาโอเค แถมหลายคนยังนึกว่า พีช พชร มีฝาแฝดอีกต่างหาก

9. ไอเดียแรก ตอนจบ SuckSeed ไม่ได้เป็นแบบนี้ เวอร์ชันแรกๆ พวกเขาเขียนให้เป็ดปืนขึ้นไปในโรงเรียนแล้วเอาเทปเดโม่ของวง The Arena มาพิสูจน์ว่า เพลงนี้เป็ดเคยแต่งไว้ก่อนแล้ว ไม่ได้แต่งให้เอิญ ก่อนจะจบว่า คุ้งชวนทุกคนเลิกเล่นดนตรี และหันมาเล่นโยโย่ พร้อมกับประโยคอันคุ้นเคยว่า “ยุคของโยโย่มันกลับมาแล้ว” แล้วก็มีพวกเด็กๆ หันมามอง แต่สุดท้ายก็ไม่เอาเพราะอยากให้เรื่องไปไกลกว่านี้ ซึ่งทั้ง 5 คนบอกว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆ

10. หลายคนอาจไม่ทราบว่าความจริง SuckSeed มีตอนต่อด้วย อยู่ในโปรเจ็กต์ GTH Side Stories ชื่อ Suc “K” Seed เป็นเรื่องราวเมื่อคุ้งต้องมาปลอมตัวเป็นเค เพื่อแสดงในงานโรงเรียน ซึ่งบางซีนที่เคยถูกตัดทิ้งก็นำมาใช้ตอนนี้ด้วย

<< แชร์บทความนี้

RELATED POSTS
LATEST

Keep In Touch

COPYRIGHT © 2021 WWW.THENORMALHERO.CO.  ALL RIGHTS RESERVED.