เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร : ‘โค้ชอ๊อต’ ผู้สร้างทีมวอลเลย์บอลธรรมดาสู่ฮีโร่ระดับโลก

<< แชร์บทความนี้

ย้อนกลับเมื่อหลายสิบปีก่อน แม้นักวอลเลย์บอลสาวไทยจะเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียน แต่ต้องยอมรับว่ากีฬานี้ก็ยังไม่เคยบูมในเมืองไทยแบบจริงจังมาก่อน ความหวังที่ไปไกลกว่านั้นก็แทบจะไม่มี

แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่ออดีตกัปตันทีมวอลเลย์บอลชายชาติไทย นามว่า อ๊อต-เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ได้รับภารกิจให้คุมทีมยุวชนหญิง ที่ชื่อ National Team 2001 เพื่อสร้างนักกีฬาเลือดใหม่มาทดแทนรุ่นพี่ที่กำลังจะวางมือในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ครั้งนั้นเขามีฝันอันยิ่งใหญ่ที่จะพาทีมไทยไปสู่ระดับโลก ไปแข่งโอลิมปิกให้ได้ ในตอนนั้นแทบไม่มีใครเชื่อ แต่เขาก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ตราบใดที่เรามีความมุ่งมั่น ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

แม้วันนี้ทีมสาวไทยจะยังไปไม่ถึงโอลิมปิก แต่อย่างน้อยทีมชาติก็เคยชนะทุกทีมในโลกมาแล้ว

ยอดมนุษย์..คนธรรมดา ร่วมกับ The Cloud จึงถือโอกาสดีชักชวน โค้ชอ๊อต มาร่วมพูดคุยถึงเส้นทางการสร้างตำนานทีมวอลเลย์บอล และเส้นทางที่ไม่เคยหยุด เพื่อล่าฝันให้สำเร็จ

อ่าน : โค้ชอ๊อต เกียรติพงษ์ กับการปั้นทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยจากโนเนมสู่ทีมที่ทั่วโลกยกนิ้วให้ ที่ https://readthecloud.co/kiattipong-radchatagriengkai/

แต่ก่อนที่เราจะไปอ่านเรื่องราวแบบเต็มอิ่ม เรามีเกร็ดสนุกๆ ของโค้ชอ๊อตและทีมวอลเลย์บอล มาเล่าให้ฟัง

1. สมัยเรียนอยู่ชั้นปี 1 โค้ชอ๊อตเคยได้รับทาบทามจากสโมสรของญี่ปุ่นให้ไปเล่นด้วย แต่เขาเลือกปฏิเสธ เพราะตั้งใจที่จะเรียนให้จบปริญญาตรีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

2. โค้ชอ๊อตติดทีมชาติตั้งแต่อายุ 17 ปี ถือเป็นนักวอลเลย์บอลที่อายุน้อยที่สุดในทีม โดยมีฉายานักตบหุ่นเสาโทรเลข

3. หลังเลิกเล่นทีมชาติ โค้ชอ๊อตตั้งใจจะวางมือจากวอลเลย์บอล เพราะได้งานประจำที่บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้ดี ถึงขั้นจะเตรียมเข้าอบรมเป็นผู้บริหารเลย แต่ชีวิตก็พลิกผันเมื่อสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลฯ ทาบทามให้มาเป็นโค้ชทีมยุวชนหญิง ซึ่งหลังคิดอยู่พักใหญ่ เขาก็ตอบตกลง และเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดยะลา

4. ทีมยุวชนหญิงชุดแรกที่โค้ชอ๊อตฝึกมี 18 คน โดยนักกีฬา 3 คนแรกที่ได้เข้าร่วมกับทีมชาติชุดใหญ่ คือ วิสุตา หีบแก้ว, ลัดดา เดือนฉาย และ กระแตปิยะมาศ ค่อยจะโป๊ะ

5. การฝึกที่ยะลานั้นเต็มไปด้วยความขาดแคลนทุกอย่าง เพราะเมืองไทยเพิ่งผ่านวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 แถมทีมก็ยังไม่ดัง สปอนเซอร์ก็เลยไม่มี โค้ชอ๊อตเล่าบรรยากาศตอนนั้นว่า

“ลูกบอลเราก็เป็นลูกบอลเก่าๆ บวมๆ เพราะเราจน ไม่มีเงินจะซื้อลูกบอลใหม่ สมาคมเขาก็เอาลูกบอลเก่าๆ ที่พี่ๆ ทีมชาติไม่ได้ใช้มาให้เรา เราต้องไปซ้อมสนามนู้นสนามนี้บ้าง ซ้อมกับเขานานไม่ได้ เพราะโรงเรียนเขาต้องมีกิจกรรม ซ้อมไม่ได้เราก็ระหกระเหเร่ร่อน บางวันเราก็ไม่มีนมกิน โค้ชก็ไปหาซื้อนม ขอนมมาบริจาคให้เด็กกินบ้าง บางทีเงินเราไม่มี โค้ชก็ไปกู้เงินบริษัทวิทยุการบิน กู้มา 3-4 แสน มาจ่ายเบี้ยเลี้ยง มาเลี้ยงดูนักกีฬา เราไปขอสปอนเซอร์ เราไปขอเสื้อ เราไปขอรองเท้า เราไม่มีรองเท้าใส่ สมาคมฯ ก็ไม่มีเงิน ก็เอาเงินเบี้ยเลี้ยงนี่แหละ ไปรวบรวมซื้อกัน ไม่มีใครเขาให้เรา เสื้อผ้าเราได้ปีละ 2 ชุด ซ้อม แต่ซ้อมทีหนึ่งเราใช้ 3-4 ชุด ซ้อมเสร็จเราก็ต้องรีบไปซักผ้า แล้วก็ตากให้แห้ง เพื่อที่จะมาใส่ตอนเย็น เพราะว่าตอนคนมาดูซ้อม ความเป็นทีมชาติ ความเป็นระเบียบวินัย ต้องใส่เสื้อผ้าเหมือนกันสีเดียวกัน สร้างความเป็นวินัย”

6. จุดเด่นอย่างหนึ่งของทีมสาวไทยคือ ไม่ว่าอะไรก็ยิ้มได้ทุกสถานการณ์ โค้ชอ๊อตบอกว่า หัวใจสำคัญของการเล่นวอลเลย์บอลคือ นักกีฬาต้องสนุก แต่ถึงสนุกก็ต้องไม่ทำเล่น ตั้งใจแต่ไม่ซีเรียส

7. เหตุผลที่โค้ชอ๊อตเลือก กิ๊ฟ-วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ เป็นกัปตันทีมชาติไทย เพราะดูจากภาวะความเป็นผู้นำ ซึ่งสังเกตได้ตั้งแต่ช่วงฝึกซ้อม แล้วก็มีจิตใจที่มั่นคง ไม่อ่อนไหวง่าย สามารถที่จะดึงและกระตุ้นเพื่อนๆ ได้ โดยโค้ชอ๊อตบอกว่า ทีมที่ดีควรจะมีกัปตัน 3 คน เพื่อจะช่วยกันฉุดกันดึง เพราะฉะนั้นบางครั้ง เขาจึงหมุนเวียน หน่อง-ปลื้มจิตร์ ถินขาว และ นุช-นุศรา ต้อมคำ มาเป็นกัปตันสลับกันบ้าง เพื่อสร้างภาวะความเป็นผู้นำ หรืออย่างทีมชุดปัจจุบัน ก็เลือก ชมพู่-พรพรรณ เกิดปราชญ์ ส่วนหนึ่งเพราะอายุ บวกกับศักยภาพในการกระตุ้นน้องๆ และคุมเกมได้ดี

8. โค้ชอ๊อตเป็นคนแรกๆ ในเอเชียที่ใช้คอมพิวเตอร์มาวิเคราะห์เกมการแข่งขันและการเล่นของนักกีฬา ก่อนประเทศมหาอำนาจทางวอลเลย์บอลอย่างจีนและญี่ปุ่นเสียอีก โดยเวลานั้นโปรแกรมวิเคราะห์มีราคาสูงถึง 300,000 กว่าบาท ทุกคนต่างก็บอกว่า เขาบ้าไปแล้ว จะซื้อของแพงขนาดนี้มาทำไม สมาคมฯ ก็ไม่มีงบ จึงต้องไปขอเรืออากาศเอกเผด็จ ลิมปิสวัสดิ์ แห่งบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย  ให้ช่วยซื้อให้ เมื่อซื้อมาแล้วก็ต้องหาวิธีใช้โปรแกรมอยู่อีกพักใหญ่ แต่สุดท้ายแล้วผลงานในสนามที่พัฒนาขึ้น ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาคิดไม่ผิด 

9. ในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย เมื่อปี 2556 ที่นครราชสีมา วรรณาได้ไปบนบานขอให้ทีมไทยคว้าแชมป์มาให้ได้ ถ้าได้จะเดินจากสนามแข่งกลับโรงแรม ปรากฏว่า ทีมไทยชนะ คว้าแชมป์มาได้ ทุกคนจึงต้องเดินกลับ ซึ่งตอนเดินก็ไม่ได้มีแค่นักกีฬา เพราะบรรดาสต๊าฟโค้ช ผู้ใหญ่ของสมาคม แพทย์ นักกายภาพ ร่วมเดินด้วย รวมแล้ว 15 กิโลเมตร โดยระหว่างทางก็มีแฟนๆ วอลเลย์บอลไปรออยู่ข้างถนน มอบน้ำ มอบดอกไม้ ถึงจะเหนื่อย แต่ทุกคนก็มีความสุข และเป็นฉากประทับใจที่ไม่มีใครลืมได้ลง

10. เวลานี้นอกจากบริหารจัดการดูแลทีมวอลเลย์บอลแล้ว โค้ชอ๊อตยังมารับตำแหน่งเป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่ คณะศึกษาศาสตร์ ภาควิชาพลศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นคณะที่เขาเรียนจบปริญญาตรีนั่นเอง โดยตั้งใจที่จะสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ที่จะมาช่วยยกระดับวงการกีฬาไทย

<< แชร์บทความนี้

RELATED POSTS
LATEST

Keep In Touch

COPYRIGHT © 2021 WWW.THENORMALHERO.CO.  ALL RIGHTS RESERVED.