“ซี.6 เครียดระเบิดขมับ ลูกชาย อดีตผวจ. งานหนัก แก้ไม่ตก”
ข่าวกรอบเล็กๆ ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันจันทร์ที่ 3 กันยายน 2533 เป็นวันเดียวกับที่ผู้คนมุ่งความสนใจไปยังข่าวนางเอกสาวเบอร์ 1 ของยุค สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ดีใจได้สัญชาติไทยหลังรอมานานเกือบ 5 ปี
หลายคนไม่คิดว่า อีกไม่กี่วันถัดมา..ข้าราชการหนุ่มที่แทบไม่มีใครรู้จัก ยกเว้นผู้สนใจธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมผู้นี้ จะกลายมาเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่เป็นแรงบันดาลใจของใครอีกหลายคนจนถึงปัจจุบันนี้
เพราะก่อนหน้านั้น เสียงตะโกนที่เขาพยายามส่งไปถึงผู้คนแทบไม่เคยสำเร็จเลย สิ่งที่ได้กลับมาคือ การทรยศหักหลังของคนที่เรียกตัวเองว่า “ผู้ใหญ่” ในบ้านเมือง
กระสุนนัดนั้นจึงเปรียบเสมือนการเดิมพันครั้งสุดท้ายที่ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นหัวหรือก้อย
ท่ามกระแสข่าวการล่าสัตว์ป่าที่ครุกรุ่นในสังคม ยอดมนุษย์..คนธรรมดา ขอรวบรวมข้อมูลของข้าราชการ ซี 6 ที่ชื่อว่า สืบ นาคะเสถียร ชายผู้ยอมสละทุกอย่างในชีวิตเพื่อปกป้องป่าไม้และสัตว์ป่าให้คงอยู่เป็นมรดกของชาติต่อไป
“ผมทำงานหนักกว่านี้ไม่ได้แล้ว” สืบ นาคะเสถียร กล่าวกับรัฐมนตรีคนหนึ่งหลังถูกเรียกพบที่กรุงเทพฯ เนื่องจากบริษัทที่เคยได้รับสัมปทานป่าไม้ให้ข้อมูลว่ามีการลักลอบตัดไม้ในห้วยขาแข้ง
วันนั้นสืบหอบเอกสารชิ้นใหญ่ พร้อมทั้งแผนที่และข้อเท็จจริงอีกมากมายเพื่อนำไปอธิบาย รัฐมนตรีดูไม่สนใจเอกสาร เขาโยนแฟ้มใส่หน้าสืบแล้วกล่าวห้วนๆ ว่า “คุณต้องทำงานให้หนักกว่านี้” สืบตอบด้วยน้ำเสียงมีโทสะว่า “ผมทำงานหนักกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
ต่างคนต่างเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่นักการเมืองคนเดิมจะบอกว่า “งั้นไปบอกลูกน้องของคุณให้ทำงานหนักกว่านี้”
สืบจึงโต้กลับไปว่า เขาไม่สามารถบอกลูกน้องแบบนั้นได้ เพราะช่วงที่ผ่านมาทุกคนทำงานจนไม่ได้หลับไม่นอนกันเลย
เมื่อออกจากห้อง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง บอกกับใครๆ ว่า “ทีนี้ผมรู้แล้วว่าเรากำลังต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว”
คนใกล้ชิดของสืบต่างบอกว่า เหตุการณ์วันนั้นทำให้เขาท้อแท้ คิดจะลาออกไปเรียนต่อ ไปบวช และนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเดิมพันด้วยชีวิต!!
หลังสืบจากไป รัฐมนตรีคนเดียวกันที่เพิ่งโยกไปรับตำแหน่งที่สูงขึ้นให้สัมภาษณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพว่า เขารู้จักกับสืบมานานแล้ว และเสียใจมากที่สืบเสียชีวิต เพราะเป็นคนดี เป็นนักอนุรักษ์ที่ต่อสู้อย่างเข้มแข็ง ขณะนี้ได้สั่งเพิ่มหน่วยป้องกันทำลายป่าให้ห้วยขาแข้ง และอนุมัติให้ทหารบกเข้าไปใช้พื้นที่ใกล้เขตห้วยขาแข้ง เพื่อป้องกันดูแลป่าที่นั่นด้วย
“เจ้าหน้าที่ต้องละเว้นในความโลก ถ้าเจ้าหน้าที่ให้ความร่วมมือ เราก็จะสามารถช่วยป้องกันและปราบปรามการทำลายป่าได้ ก็ขอร้องกันจนหมดปากกาไปหลายด้าม และหมดคนไปหลายชีวิตแล้วก็ยังเป็นอย่างนี้” รัฐมนตรีกล่าวย้ำ
หากสิ่งที่รัฐมนตรีพูดเกิดขึ้นก่อนหน้าสักหน่อย บางทีโศกนาฎกรรมครั้งนี้อาจไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้
หากถามว่า เหตุใดสืบจึงตัดสินใจเดิมพันครั้งใหญ่
จุดเปลี่ยนน่าจะเกิดขึ้นหลังภารกิจอพยพสัตว์ป่าที่เขื่อนเชี่ยวหลาน
เดิมทีเขาไม่ได้รับผิดชอบโครงการนี้ แต่เพราะเคยไปอบรมเรื่องการจัดการสัตว์ป่าที่สถาบัน Smithsonian 2 เดือน และมีประสบการณ์อพยพเนื้อทรายที่เกาะกระดาษสำเร็จ กรมป่าไม้จึงสับเปลี่ยนให้เขาเป็นหัวหน้าภารกิจนี้ แทนหัวหน้าทีมคนเก่าที่ไม่ยอมทำงาน
สืบใช้เวลา 2 ปีในการทำงาน ทั้งจัดทีม วางแผน ทุ่มเวลาทุกนาทีเพื่อกู้ชีวิตสัตว์ป่ามากมาย แม้หลายตัวจะตายไป สืบเองก็เสียใจไม่แพ้กัน แต่เขาก็ถือว่าผิดเป็นครูจึงพยายามหาหนทางช่วยสัตว์ป่าให้ได้มากที่สุด จนสามารถช่วยได้ 1,364 ตัว
แต่ที่น่าคิดยิ่งกว่าคือ ผลพวงของการผลิตพลังไฟฟ้าด้วยพลังน้ำกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติเกินกว่าที่คาด
สัตว์ป่าที่ตกค้างจะหนีน้ำไปอยู่ที่สูงจนอดอาหารตาย และถึงจะช่วยมาได้ ร่างกายอ่อนแอก็เกินกว่าจะแย่งอาหารจากเจ้าถิ่นได้ไหว บางตัวถูกขับไล่ออกมาจากต้องหนีลงอ่างว่ายกลับไปที่เดิม
ที่หนักสุดคือ ชาวบ้านบางคนถือโอกาสนี้ออกเรือส่องไฟเลือกยิงสัตว์อย่างมันมือ ครั้งหนึ่งทีมงานพบซากข้อเท้าสมเสร็จถูกตัดขาวางเย้ยเจ้าหน้าที่ สืบทนไม่ได้จึงพาทีมออกไปจับกุมผู้กระทำผิด ค้นหาเรือทุกลำที่พบในอ่าง แต่ก็ไม่พบจึงกระจายทีมไปค้นตามแพขายปลา สุดท้ายก็พบไส้สมเสร็จตกค้างที่เรือลำหนึ่ง จึงใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดี ทำให้การลักลอบล่าสัตว์ในอ่างลดลงไปด้วย
การได้ต้องพบเห็นความตายของสัตว์ป่าวันแล้ววันเล่า กลายเป็นแรงผลักดันที่เปลี่ยนนักวิชาการที่ชอบเก็บตัว ให้ลุกขึ้นเดินสายพูดตามเวทีสาธารณะนับไม่ถ้วนและเริ่มเป็นที่รู้จักของคนในสายอนุรักษ์
สืบกล้าแสดงความคิดเห็นคัดค้าน แม้อีกฝ่ายจะตำแหน่งสูงกว่า การสร้างเขื่อนน้ำโจน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า คือโครงการแรกที่เขาประกาศว่ายอมไม่ได้
อธิบดีกรมป่าไม้เวลานั้นบอกว่า การสร้างเขื่อนไม่เป็นปัญหาสำหรับสัตว์ป่า อย่างนกยูงที่ต้องอาศัยหาดทรายดำรงชีพ ก็สามารถจัดการโดยสร้างหาดทรายเทียมขึ้นมาทดแทน สืบที่อยู่ในวงประชุมจึงกล่าวแย้งอย่างไม่เกรงใจว่า “ความคิดนี้เป็นความคิดของคนที่ไม่รู้เรื่องการจัดการด้านสัตว์ป่าเลย”
สืบทุ่มเทกับการรณรงค์ครั้งนี้ เขาเขียนความเห็นต่อต้าน ติดต่อประสานงาน นำผู้เชี่ยวชาญด้านแมลงและพรรณไม้ทั้งคนไทยและต่างชาติลงพื้นที่เก็บข้อมูล นำเครื่องร่อนขนาดเล็กมาทดลองใช้เพื่อตรวจป่าทุ่งใหญ่ฯ-ห้วยขาแข้ง แต่เผอิญลานบินไม่ดี พอลงจอดปีกก็เลยหักต้องยกเลิกการทดลอง
สืบบอก วีรวัธน์ ธีรประสาธน์ เพื่อนสนิทซึ่งเป็นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ ว่า งานอพยพสัตว์ป่าที่เชี่ยวหลานไม่ประสบความสำเร็จเลยจึงน่าจะนำมาเป็นบทเรียนสำหรับการคัดค้านคราวนี้ เขายังจัดทำร่างผลกระทบการอพยพสัตว์ป่าพิมพ์เป็นรูปเล่ม รายงานต่อ กฟผ. และสาธารณชน และสุดท้ายเชิญผู้นำการคัดค้านและนักข่าวไปสัมผัสพื้นที่ ทำให้เห็นว่าข้อมูลพิจารณาการสร้างเขื่อนไม่น่าเชื่อถือ กระทั่งรัฐบาลลงมติให้ยับยั้งการสร้างเขื่อนไว้ก่อน
วันนั้นสืบสวมกอด ดร.สุรพล สุดารา เพื่อนนักเคลื่อนไหวบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เราชนะแล้ว”
จากเขื่อนน้ำโจน สืบเคลื่อนไหวต่อเพื่อคัดค้านเขื่อนเหวนรกและเขื่อนแก่งกรุง เขาใช้เวทีสิ่งแวดล้อม 33 กล่าววลีที่ผู้คนจดจำมาได้ถึงวันนี้ “วันนี้ผมขอพูดในนามสัตว์ป่าทุกตัว เพราะพวกเขาพูดตัวเองไม่ได้” และขอความเห็นจากมนุษย์ว่าอย่าได้รังแกและทำลายกันอีกเลย สุดท้ายทั้งสองโครงการก็ถูกพับลง หลังจากเขาเสียชีวิตไปแล้ว
ผมยอมอุทิศชีวิตเพื่อห้วยขาแข้งได้ ผมมีความสุขอยู่ที่นี่ตลอดไป ผมไม่ต้องการเลื่อนตำแหน่ง งานใหญ่กว่านี้ก็ไม่เอา ผมมีห้วยขาแข้งก็พอแล้ว
ความสำเร็จที่ช่วยยับยั้งการสร้างเขื่อน อาจทำให้สืบกลายเป็นข้าราชการดาวเด่น แต่ห้วยขาแข้งทำให้เขาได้ซึมซับความจริงอันโหดร้ายของระบบราชการ
ก่อนหน้าที่สืบจะมาเป็นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เขาเคยเดินสำรวจป่าแห่งนี้ ร่วมกับนักวิจัย จนทราบว่าห้วยขาแข้งเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์เพียงใด มีสัตว์กี่ชนิด อะไรที่หายากบ้าง
ช่วงแรกที่ได้รับทาบทาม สืบปฏิเสธเพราะอยากทำงานวิชาการมากกว่า และตัวเองไม่ใช่นักจัดการ กลัวจะทำได้ไม่ดี อีกอย่างคือเขาได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกที่อังกฤษ แต่ผู้ใหญ่ก็ชักจูงอยู่หลายครั้งจนเริ่มหวั่นไหว
ในที่สุดเขาก็รับเทียบเชิญ เขาบอกคนใกล้ชิดว่า หากมีโอกาสได้ทำงานในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ก็ขอเลือกห้วยขาแข้งหรือทุ่งใหญ่นเรศวร อีกเหตุผลคือบรรดานักอนุรักษ์เชื่อว่า ห้วยขาแข้งจะดำรงความเป็นป่าสมบูรณ์ได้ต้องเป็นมรดกโลกเท่านั้น
สืบรับตำแหน่งด้วยความหวัง เขามีกำลังใจมากขึ้นหลังได้พบกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า และหน่วยลาดตระเวนที่พร้อมจะทำงานด้วยความซื่อสัตย์และพร้อมอุทิศตน คนเหล่านี้เชื่อมั่นในตัวสืบ และสืบเองก็รักลูกน้องชุดนี้มาก
สืบพูดว่า “ผมรู้แล้วว่าผมยอมอุทิศชีวิตเพื่อห้วยขาแข้งได้ ผมมีความสุขอยู่ที่นี่ตลอดไป ผมไม่ต้องการเลื่อนตำแหน่ง งานใหญ่กว่านี้ก็ไม่เอาผมมีห้วยขาแข้งก็พอแล้ว งานนี้สำคัญสำหรับผมมาก”
ตลอดการทำงานมีปัญหาให้แก้ไม่หยุดหย่อน แต่สืบก็มั่นใจว่า “ผู้ใหญ่” สนับสนุน ทว่าเขาเข้าใจผิด ไม่ถึง 6 เดือน เขาพบว่าความพยายามทุกอย่างไร้ผล เพราะผู้บังคับบัญชาระดับสูงก็เพียงเป็นหมากตัวหนึ่งของวงจรอุบาทว์
ห้วยขาแข้งมีพื้นที่ 1.6 ล้านไร่ แต่กลับมีข้าราชการ 12 คน เจ้าพนักงานพิทักษ์ 30 คน และลูกจ้างชั่วคราว 20 คน โดยได้งบประมาณไร่ละ 80 สตางค์ต่อปี ผิดกับป่าสงวนที่ถูกบุกรุกจนเสื่อมสภาพ รัฐให้เงินฟื้นฟูไร่ละ 1,000 บาท แถมค่าจ้างพนักงานในป่าก็ตกเบิกช้าไป 5 เดือน จนสืบต้องยืมแม่มาเดือนละ 20,000 บาท เพื่อให้ลูกน้องไปใช้ก่อน
สืบยังพบอีกว่านายทหารนายตำรวจบางคนอยู่เบื้องหลังการล่าสัตว์และตัดไม้ทำลายป่า แต่ไม่มีใครทำอะไรได้ แถมยังถูกตั้งค่าหัว 6,000 บาท เขาเคยรายงานเรื่องนี้ถึงผู้ใหญ่ที่สนับสนุน แต่กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือเลย สืบต้องต่อสู้กับผู้มีอิทธิพลมากมายเพียงลำพัง จนกลายเป็นความสิ้นหวัง เขารู้สึกถูกทรยศ หมดหวัง
สืบบอกกับ เบลินดา สจ๊วด ค็อกซ์ เพื่อนสนิทชาวอังกฤษว่า รู้สึกอับอายที่เป็นข้าราชการแต่ทำงานไม่สำเร็จ อับอายในการเป็นคนไทย เพราะปัญหาคอรัปชั่นมากเหลือเกิน
ช่วงสุดท้าย สืบกลายเป็นคนเศร้าหมอง ร่างกายซูบผอม ดูเครียด พอกลับถึงบ้านก็เก็บตัว สิ่งเดียวที่เหมือนเป็นความหวังคือการทำรายงานเพื่อเสนอองค์การยูเนสโกให้ห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวรเป็นมรดกโลก
หลังเขียนเสร็จไม่กี่วัน สืบใช้ปืนพกส่วนตัวปลิดชีพตัวเอง เป็นการตะโกนครั้งสุดท้าย แม้เขาจะไม่ได้อยู่รับฟังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ตาม..
ผู้ผลิตรายการส่องโลก ผู้นำเสนอเรื่องราวของ สืบ นาคะเสถียร จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนทำงานขับเคลื่อนเรื่องสิ่งแวดล้อม
แรงบันดาลใจของเพื่อน 4 คนที่อยากช่วยแก้ปัญหาจราจรในเมืองกรุง จึงรวมตัวกันพัฒนาแพลตฟอร์มรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าเพื่อให้ที่มีจุดหมายปลายทางใกล้เคียงกัน มาร่วมเดินทางด้วยกันได้
คุยกับนักโฆษณาระดับตำนาน ผู้บุกเบิกแคมเปญรณรงค์ประหยัดพลังงาน ชุด รวมพลัง ÷2
เครือข่ายอนุรักษ์และดูแลแม่น้ำบางปะกง เพื่อให้เป็นสายน้ำที่อุดมไปด้วยความหลากหลายทางธรรมชาติยังคงอยู่ต่อไป เพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย
นักสัตววิทยา สุดยอดผู้คนพบสัตว์ชนิดใหม่ของโลก เจ้าของชื่อค้างคาวกิตติ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เล็กสุดในโลก
หนึ่งในผู้บุกเบิกแนวคิดเรื่องการทำเกษตรยั่งยืน เกษตรปลอดภัย และตลาดสีเขียว เพื่อสร้างความยั่งยืนทางอาหารให้เกิดขึ้นในเมืองไทย
หนึ่งในค่ายดนตรีที่เติบโตมากับยุคอินดี้ครองมือ ซึ่งจุดกระแสด้วยเพลงที่มีความเท่และแตกต่าง ทั้ง Sleeper1, Portrait, Morningsurfers, Soundlanding และ Moon
คุณหมอผู้เปลี่ยนชีวิตของตัวเอง และจุดกระแสความเชื่อของคนไทยเรื่องอายุยืน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะใช้ชีวิตถึง 120 ปี
ตำนานแชมป์โลกมวยสากลตลอดกาลของเมืองไทย ผู้เคยจุดกระแส เขาทรายฟีเวอร์ และทำให้ทุกคนต้องรีบกลับบ้านไปรับชมโทรทัศน์
ผู้พลิกชีวิตจากเด็กสลัมคลองเตย สู่ตลกอัจฉริยะของเมืองไทย ที่สร้างมุกสุดคลาสสิกและอยู่ในใจของผู้คนมาจนถึงปัจจุบัน
โลกดนตรี ตำนานรายการคอนเสิร์ตกลางแจ้ง ที่ศิลปินยุค 1970-2000 อยากขึ้นแสดงมากที่สุด เพราะใครที่มีโอกาสได้ขึ้นเวทีนี้ แสดงว่าดังแล้ว
ห้องทดลองกฎหมายของ รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร ที่ทำงานเรื่องการพิสูจน์สิทธิเรื่องสัญชาติ เพื่อให้ทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม
COPYRIGHT © 2021 WWW.THENORMALHERO.CO. ALL RIGHTS RESERVED.